เปิดรับบริจาคอ้างยากจน จนคนหลงเชื่อโอนให้ เข้าข่ายผิดฉ้อโกง

“ทนายเกิดผล” เผยข้อกฎหมาย เคสแม่เด็ก 18 สอบติดแพทย์ จนทิพย์ บอกการเปิดรับบริจาคอ้างยากจน จนคนหลงเชื่อโอนให้ เข้าข่ายผิดฉ้อโกง

วันที่ 19 มกราคม 66 จากกรณีเด็กนักเรียนชายวัย 18 ปี ซึ่งก่อนหน้าที่ผ่านมา ทางครอบครัวแจ้งว่า น้องสอบคัดเลือกเป็นนักศึกษาคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา แต่ว่ามีปัญหาเรื่องทุนเพื่อการศึกษา พร้อมด้วยเปิดรับบริจาค ก่อนที่จะออกมาประกาศขอบคุณผู้ใจบุญ พร้อมด้วยปิดรับบริจาคเงินไป โดยมีตัวแทนจากมูลนิธิแห่งหนึ่ง แจ้งความประสงค์ดูแลเรื่องทุนสำหรับการศึกษาของน้องกระทั่งจบการศึกษา

แต่แล้วชาวเน็ตได้มีการแชร์ภาพจากเฟซบุ๊กเพจหนึ่ง

กล่าวถึงว่าเป็นภาพของน้อง เวลาที่ถือโทรศัพท์ไอโฟน 12 Pro Max ใส่นาฬิกา Apple Watch กับตั้งคำถามว่า ใช้สิ่งมีราคาขนาดนี้ จะมาขอรับบริจาคเพราะอะไร หรือเพราะอะไรไม่ไปกู้ กยศ.

จนต่อมา มีตัวแทนจากครอบครัวของน้อง ออกมาชี้แจงถึงยอดเงินบริจาคว่า เท่าที่ทราบ เงินผ่านบัญชีมีราว 8 แสนบาทเศษ ส่วนของราคาแพง ที่น้องใช้นั้น แม่ก็ยังผ่อนอยู่ เพราะอยากที่จะให้ น้องมีอุปกรณ์ที่นำสมัย เพื่อใช้ในการเรียน หาความรู้ด้วยตัวเอง

แต่ทว่าเรื่องยังไม่จบเพียงเท่านี้ เนื่องจากมีสาวที่กล่าวถึงว่า เป็นคนหนึ่งที่ยื่นมือเข้าไป ช่วยเหลือครอบครัวนี้ ออกมาแฉว่า หลังจากที่แม่น้องได้เงินไปแล้ว ก็เปลี่ยนไป ไม่ยอมชี้แจงเงินบริจาค อ้างแต่เพียงว่า ได้เงินแล้ว จบ

ล่าสุด ทนายความเกิดผล แก้วเกิด โพสต์ข้อกฎหมาย ที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ว่า “การเปิดรับบริจาคเพื่อขอเป็นทุนสำหรับการศึกษา โดยอ้างถึงว่ายากจน ส่งผลให้บุคคลอื่นเชื่อ และโอนเงิน เพื่อเป็นทุนการศึกษาให้

ถึงแม้เจ้าตัวจะมิได้เป็นคนเปิดรับบริจาคด้วยตนเอง แต่การที่มีคนอื่นๆเข้าใจผิด แล้วเปิดรับบริจาคแทนให้ โดยเจ้าตัวนั้นรู้อยู่แก่ใจว่า ตัวเองไม่ได้ยากจน ก็เป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนได้ ด้วยเหตุว่านับว่า มีเจตนาฉ้อโกง โดยการปกปิดข้อความจริง ที่ควรจะบอกให้แจ้งแก่ประชาชน ว่าตัวเองมิได้เป็นคนจน และไม่จำเป็นต้องขอทุนสำหรับการศึกษา แต่อย่างใด

(มาตรา ๓๔๑ ผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริง ซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้น ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวง หรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม ทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฉ้อโกง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ)”

สาวใจดีตาสว่าง เคสเด็กสอบติดหมอ จนทิพย์ เปิดโปงไลฟ์สไตล์แม่ ใส่ทอง เที่ยวผับ ขับเก๋ง

เคสสอบติดหมอ #จนทิพย์ ปัจจุบันสาวที่เป็นคนตั้งประเด็นเคสนี้ ออกมาแฉแม่เด็ก ขอให้ชี้แจงยอดบริจาคแต่ถูกปฏิเสธ “ได้เงินมาแล้วมันจบแล้ว”

จากกรณี นักเรียนอายุ 18 ปี ใน อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ได้สอบแข่งขันเป็นนักศึกษาคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา แต่ว่ามีปัญหาเรื่องเงินทุน ที่จะศึกษาต่อ จึงต้องการเปิดรับบริจาค แล้วก็มีคนโอนเงิน ไปช่วยเหลือมากมาย ถัดมากลับมีการเปิดโปงว่า เด็กคนดังกล่าว ไม่ได้ยากไร้จริง โดยมีภาพใช้มือถือราคาแพง ส่งผลให้เกิดกระแสวิภาควิจารณ์ ไปอย่างกว้างขวาง

ล่าสุด สาวใจบุญที่เป็นคนเปิดประเด็น ช่วยเหลือเด็ก 18 รายนี้ ได้ออกมาโพสต์ระบายความในใจ ซึ่งก่อนหน้านี้ที่ผ่านมามีหลายคนพยายามเตือนเธอ เกี่ยวกับเคสรับบริจาค แต่ว่าเธอก็ยังคงเดินหน้า ปกป้องเด็ก ไม่เชื่อคำตักเตือนของใคร จนกระทั่งท้ายที่สุดเพิ่งรู้ว่า ตัวเองพลาดเอง โดยข้อความกล่าวว่า

เราอึดอัดเราต้องการระบายมาฟังเราสักหน่อย #เราผิดไปแล้วอย่าด่าเยอะน่ะเราสำนึกผิดไม่ทัน

• ตั้งแต่ทำเคสอย่างนี้มาไม่เคยเสียใจ และเสียความรู้สึกอย่างนี้มาก่อน สื่อทุกช่องทุกคนโดนต้มสะจนเปื่อยว่า ครอบครัวนี้จน
• ในเวลานั้นใครว่าน้อง ว่าแม่ เราปกป้องเต็มที่ กระทั่งไม่ลืมหูลืมตา เพราะต้องการให้น้องได้มีเงินเรียน
  กระทั่งมันมีชาวเน็ตขุดคุ้ยประวัตแม่และน้อง เราก็ตามด่าชาวเน๊ตว่าไม่ช่วยแล้วยังเสือก แถมอิจฉาน้องที่เขาได้เงิน
• จนมันมีคนโทรมาเตือน มาทักมาว่า ก่อนที่จะทำเคสนี้ เช็คดีหรือยัง มันอาจจะมีอะไรมากยิ่งกว่าที่คุณ เข้าใจซ่อนอยู่ เราก็เริ่มคิดเริ่มเช็ค เพราะว่าข่าวนี้เรามิได้ลงพื้นที่เอง เพียงแค่เล่นข่าว ต่อมาเพราะว่าในช่วงเวลานั้นเราอยู่ภาคเหนือ ต่อจากนั้นก็มีคนโทรมาด่าพวกเรามากมายว่า ร่วมกันหลอกลวงขอรับเงินบริจาค ร่วมกับครอบครัวนี้
• 

บอกตรง ๆ ว่าเครียดมาก

1 จนยังใงใช้ไอโฟน12โปร ราคา26,000 ใช้นาฬิกาหรู ที่เด็กถ้าหากยากจนจริงไม่มีปัญญาได้ใช้

2 แม่ใส่ทองทั้งตัว เที่ยวผับกินเหล้าขับรถเก๋งหรูพาลูกเที่ยว เวลาไปประชุมผู้ปกครอง สวมเสื้อผ้าแบรนด์เนม เสื้อผ้าหน้าผมจะต้องเป๊ะ

3 เด็กกล่าวว่าชีวิตนี้ไม่เคยกินหมูกะทะ ก็ใช่สิหมูกะทะเด็กไม่กิน แต่ว่าแม่พาไปกินไก่kFC ตามห้างดังเพราะลูกชอบ

4 เราบอกว่าให้แม่กับลูกออกมาแถลงข่าว ออกมาขอบคุณและก็แจ้งยอดแล้วปิดบัญชี แม่กับลูกบอกว่าไม่จำเป็น ไม่ต้องพูดอะไรเงียบไว้ ได้เงินมาแล้วมันจบแล้ว

แล้วที่ปวดใจสื่อส่วนกลางไทยรัฐ อัมรินทร์ ช่อง7 ขอไปที่บ้านไปดูว่าจนจริงมั้ย โดนปฎิเสธจากแม่แล้วก็คนชื่อทีป โดยอ้างถึงว่า,น้องจะต้องอ่านหนังสือ,ไม่พร้อมพบสื่อ (ซึ่งในตอนนั้นคงยังมิได้เตรียมคำพูดกลัวแสดงไม่เนียน)

5 เราโทรไปขอร้องแม่แล้วลูกเป็นครั้งที่2 ขอร้องว่าออกมาขอบคุณ และแจ้งยอดหน่อย ให้ทุกคนได้ทราบหน่อย สงสารพวกเราเถอะ เพราะภายหลังจากนี้พวกเราไม่อาจจะช่วยใคร ที่ลำบากอีกได้เลย เพราะที่หมอ มาหัวหมออย่างงี้คำตอบที่ได้มาคือ ไม่ แบบสั้น ๆ ห้วน ๆ ไม่มีหางเสียง

6 คำพูดของแม่ที่เจ็บใจที่สุด ที่กล่าวกับเราคือ คุณมาทำข่าวเอง คุณก็แก้เองสิ #เราจบแล้วได้เงินมาแล้ว ไม่พูดอะไรแล้วแล้ว ผู้ที่บอกกับเราอีกคนในคำพูดนี้เป็น คนชื่อทีป ซึ่งแม่และลูกก็จะฟังเพียงคำสั่ง ของคนชื่อทีปแค่คนเดียว ซึ้งเราไม่ทราบว่า เขาคือใคร

สรุปคือขณะนี้ทุกคนไม่ทราบเลยว่ายอดเงินเท่าไร

แต่ว่าที่รู้คือ แม่และก็น้องสร้างเรื่องและก็เล่นละครเก่ง จากที่เคยแต่งหน้าจัดมาก วันนั้นพอทราบว่านักข่าวจะไปถึงนาง ล้างหน้าแล้วก็ปล่อยให้หน้าดำ และดูโทรม ซึ่งจริง ๆ ชีวิตนางในแต่ละวันไม้ได้เป็นอย่างนั้น

#จบแค่นี้ค่ะระบายไม่หมดมันจุก

ชูก้า BTS ได้รับแต่งตั้งเป็น Brand Ambassador คนล่าสุดของ Valentino

ปี 2023 นี้เรียกได้ว่าเป็นปีทองของ HYBE จริง ๆ หลังศิลปินในค่ายประสานมือทำสัญญากับแบรนด์ระดับโลกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นน้องเล็กอย่าง NewJeans ที่ได้รับเลือกจาก Louis Vuitton, Gucci และ Burberry รวมทั้งเพื่อนร่วมวง จีมิน BTS ที่พึ่งประกาศเปิดตัวเป็น Dior Global Ambassador ไปหมาด ๆ ชูก้า BTS

ในวันที่ 17 มกราคม Valentino ก็ได้ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการว่า ชูก้า BTS หรือ มินยุนกิ

ได้รับแต่งตั้งเป็น Brand Ambassador คนล่าสุดของแบรนด์ ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของแบรนด์ Pierpaolo Piccioli ได้นิยาม ชูก้า ว่า เป็นศิลปินที่มีความครบถ้วนเก่งรอบด้าน ใช้ความสามารถของตนเองและประยุกต์มันเพื่อแสดงออกถึงความเป็นตัวเองได้อย่างมีพลัง ทำให้ความนิยม DI.VA.s ของ Valentino เป็นรูปร่างขึ้นมา โดย DI.VA.s นั้นย่อมาจาก ‘Different Values’ ที่แบรนด์ยึดถือหลักการด้านความหลากหลาย (Diversity), ความครอบคลุม (Inclusivity), ความสร้างสรรค์ (Creativity) และความมุ่งมั่น (Passion)

ชูก้า ยังได้มีความคิดเห็นอีกว่า “ทุกคนมีความฝันและคุณค่าที่ยึดถือแตกต่างกัน” แสดงให้เห็นว่าตัวตนของเขานั้นตอบโจทย์ความเชื่อมั่นของแบรนด์ และก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่แบรนด์เลือกเขามาทำหน้าที่นี้ ชูก้ายังได้พูดถึง Valentino แล้วก็ Piccioli ด้วยว่า “พวกเขาสนับสนุนความหลากหลายมานาน ซึ่งเป็นผมเชื่อมั่นเช่นกัน”

การประกาศนี้ก็นับว่าเป็นการไขข้อสงสัยของทุกคนที่ผ่านมาว่าจะการร่วมงานกันของ ชูก้า และ Valentino หรือไม่?
หลังจากที่ชูก้าได้ใส่ชุดในคอลเลกชัน Maison Valentino Essentials ของ Valentino ไปร่วมดูการแข่งขันบาสเกตบอลระหว่างทีม Los Angeles Lakers vs Dallas Mavericks ที่จัดขึ้นที่ Crypto Arena สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา

นอกเหนือจากนั้น ชูก้า ยังได้ร่วมถ่ายแคมเปญพิเศษของแบรนด์ในคอลเลกชัน Maison Valentino Essentials ที่ทำร่วมกับนิตรสาร GQ ซึ่งทุกคนสามารถติดตามได้เร็ว ๆ นี้

ในปี 2023 นี้ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าจะมีสมาชิกคนไหนของวง BTS ที่จะประกาศเปิดตัวเป็นตัวแทนของแบรนด์ระดับโลกอีก
หลังจากที่ทั้งยังวงหมดสัญญาการเป็น Brand Ambassador ให้กับ Louis Vuitton ไปแล้ว มารอติดตามไปพร้อมกันนะคะ

ชูก้า เปิดตัวเป็น BrandAmbassador คนล่าสุดให้กับ Valentino

หลังจากที่ทั้งยังวง bts หมดสัญญาการเป็น Brand Ambassador ให้กับ Louis Vuitton ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ปีนี้หนุ่ม ๆ ของเราก็ยังฮอตเหมือนปกติ
เปิดตัวกับแบรนด์ใหม่รัว ๆ เริ่มด้วยที่ จีมิน พึ่งเปิดตัวเป็น Global Ambassador ให้กับ Dior ตามมาติด ๆ กันเลย กับผู้ชายที่ swag ที่สุดของอาร์มี่ เขาคือ ชูก้า หรือ มิน ยุนกิ พี่รองแห่งวง bts
โดยครั้งนี้ ชูก้า ได้เปิดตัวร่วมงานกับทางแบรนด์ วาเลนติโน ( VALENTINO ) เป็นที่เรียบร้อย

ชูก้า เป็น Brand Ambassador ในฐานะ DI.VAs ย่อมาจาก Different Values ( คุณค่าที่แตกต่าง ) เป็นแคมเปญที่ให้ความสำคัญกับคาแรคเตอร์ที่ซับซ้อนและก็คุณค่าที่อยู่ภายใน ปิแอร์เปาโล ปิคชิโอลี ( Pierpaolo Piccioli ) ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ ได้นิยาม ชูก้า ว่าเป็นศิลปินที่มีหลากหลายแง่มุม

“เขาคือผู้ถ่ายทอด เขาใช้พรสวรรค์และก็ผลงานของตัวเองเพื่อนำเสนอตัวตนอย่างมีชีวิตชีวาและก็ถ่องแท้”
ทุกคุณค่าของ DI.VAs มีความหลากหลาย ความคิดสร้างสรรค์ แล้วก็แพสชัน ซึ่งปรากฏอยู่ในตัวเขาอย่างสมบูรณ์

ความมั่นใจและความเชื่อมั่นของ ชูก้า คือ
“ทุกคนมีความฝันและก็คุณค่าที่ยึดถือแตกต่างกัน ”

เขาพูดถึง Valentino และก็ Piccioli ด้วยอีกว่า
“พวกเขาสนับสนุนความหลากหลายมานาน ซึ่งผมเชื่อมั่นด้วยเหมือนกัน”

แสดงให้มีความคิดเห็นว่าตัวตนของเขานั้นตอบโจทย์ความมั่นใจของแบรนด์ รวมทั้งเป็นหนึ่งในเหตุผลที่แบรนด์เลือกเขามาทำหน้าที่นี้

ชูก้ากล่าวผ่าน ไอจี อีกว่า

ดีใจที่ได้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์คนใหม่ให้กับ @MaisonValentino ครับ ตั้งตารอการเดินทางของผมในฐานะ DI.Vas ด้วยนะครับ!

เมื่อวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา ชูก้า ก็ได้ใส่ชุดของ Valentino ในแคมเปญ Maison Velentino Essentials ไปร่วมชมการชิงชัยบาสเกตบอลระหว่างทีม Los Angeles Lakers vs Dallas Mavericks ที่จัดขึ้นที่ Crypto Arena สหรัฐอเมริกา อีกทั้งร่วมถ่ายแคมเปญพิเศษของแบรนด์ในคอลเลกชัน Maison Velentino Essentials ที่ทำร่วมกับนิตรสาร GQ ซึ่งทุกคนสามารถติดตาม ด้วยความที่สมาชิกวง BTS มักจะเลือกร่วมงานกับสิ่งที่ตรงกับไลฟ์สไตล์เดียวกับเขา จึงเป็นที่จับตามองว่า เมมเบอร์ที่เหลือจะเปิดตัวร่วมงานกับแบรนด์ไหนอีกบ้าง

ส่งทีมใต้น้ำค้นหา ผู้สูญหาย เหตุเรือน้ำมันระเบิด จ.สมุทรสงคราม

กู้ภัยมูลนิธิ สว่างเบญจธรรม ส่งทีมใต้น้ำ เริ่มค้นหา ผู้สูญหายอีก 6 คน เรือน้ำมันระเบิด อย่างตลอด หากแม้ในเวลากลางคืน ที่ศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจ ชุดช่วยเหลือผู้ประสบภัย องค์การบริหารส่วนตำบลแหลมใหญ่ จังหวัดสมุทรสงคราม ยังคงมีการค้นหาผู้สูญหาย อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงบ่าย ทั้งบนเรือรวมทั้งในแม่น้ำแม่กลอง

เมื่อคืนที่ผ่านมา มีการยืนยันจาก ชลธี เลาหกรรณวณิช หัวหน้าชุดปฏิบัติการ กู้ภัยมูลนิธิสว่างเบญจธรรม ว่ามีผู้สูญหาย 6 คน โดยมีการแจ้งเพิ่ม หนึ่งคนจากญาติ ที่มาแจ้งติดตามหาคนหายภายหลัง

ตั้งแต่ 17.00 น. ชุดปฏิบัติการ กู้ภัยมูลนิธิสว่างเบญจธรรม ได้เริ่มส่งชุดค้นหาใต้น้ำชุดแรกลงไปในแม่น้ำแม่กลอง จากนั้นจะมีชุดสลับสับเปลี่ยน โดยการค้นหาจะดำเนินไปจนกระทั่งเวลาประมาณเที่ยงคืนหรือตีหนึ่ง จากนั้นจะมีการ ประเมินสถานการณ์ อีกครั้งว่าจะค้นหาต่อหรือหยุดพัก

สำหรับรัศมีการค้นหาจะอยู่ที่ 100 เมตรรอบตัวเรือ โดยระดับน้ำลึกประมาณ 7-8 เมตร

ไปติดตามความคืบหน้าล่าสุด จากปฏิบัติการค้นหา ผู้สูญหายกรณีเรือน้ำมันระเบิด ซึ่งมีการค้นหากัน เกือบจะทั้งคืน จาก คุณหนึ่ง พลเศรษฐ์ หัวหน้าชุดปฏิบัติการกู้ภัยมูลนิธิสว่างเบญจธรรม

เรือน้ำมันระเบิด พื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม กระเทือนไกลหลายกิโลฯ

เกิดเหตุ “เรือน้ำมันขนาดใหญ่” ระเบิด ไฟลุกท่วมในพื้นที่สมุทรสงคราม สะเทือนไกลหลายกิโลเมตร

วันที่ 17 มกราคม 2566 ปภ.จังหวัดสมุทรสงคราม รายงานเหตุด่วน เมื่อเวลาประมาณ 09.10 น. เกิดเหตุ “เรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่” ระเบิด เสียงดังสนั่น

จนถึงมีไฟไหม้ควันดำโขมง พิจารณาได้จากระยะไกล ขณะจอดซ่อมแซมอยู่ในพื้นที่ อบต.แหลมใหญ่ อ.เมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม แรงระเบิด ทำให้อาคารบ้านเรือน ใกล้เคียงได้รับความเสียหาย ชาวบ้านในพื้นที่ เปิดเผย

แรงระเบิดรัศมี สั่นสะเทือนไม่น้อยกว่า 7 กิโล ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบสาเหตุ ถ้ามีความคืบหน้า จะได้รายงานให้รู้ต่อไป

โดยเหตุระเบิดเรือน้ำมัน ชื่อ SMOOTH SEA 22 เกิดขึ้นภายใน อู่ซ่อมแซมเรือ บริษัท รวมมิตรด็อคยาร์ด จำกัด ต.แหลมใหญ่ อ.เมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม มีผู้ได้รับบาดเจ็บนับสิบราย และยังคงมีผู้สูญหายจำนวนหนึ่ง

ทั้งนี้ กรมเจ้าท่า บอกว่า SMOOTH SEA 22 เริ่มใบอนุญาตใช้เรือ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2565 รวมทั้งหมดอายุเอกสารสิทธิ์ใช้เรือ วันที่ 30 พ.ค. 2566 โดยระบุประเภท การใช้บรรทุกผลิตภัณฑ์น้ำมัน ที่มีจุดวาบ ไฟต่ำกว่า 60 องศาเซลเซียส ประเภทเรือกลเดินทะเลเฉพาะเขต เขตการเดินเรือ ลำน้ำรวมทั้งสมุทรระหว่างจังหวัดตราดกับจังหวัดนราธิวาส

เจ้าท่าฯ ตั้ง กรรมการสอบ เรือน้ำมันระเบิด สรุปใน 10 วัน ล่าสุดเสียชีวิต 3 ราย

กรมเจ้าท่า ตั้งกรรมการสอบเรือบรรทุกน้ำมันระเบิด สรุปใน 10 วัน ตั้งประเด็นอู่ซ่อมแซมเรือบรรทุก วัตถุอันตรายทำตามขั้นตอนหรือไม่ พบเรือมีน้ำมันเตา 30,000 ลิตร น้ำมันดีเซล 2,500 ลิตร ล่าสุดเสียชีวิตเป็น 3 ราย ยืนยันเยียวยา ตามกฎหมาย

นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รักษาการอธิบดี กรมเจ้าท่า (กรมเจ้าท่า) เปิดเปิดเผยว่า ความคืบหน้า กรณีเหตุเรือน้ำมันสมุธซี 22 ระเบิด ขณะจอดซ่อมแซม อยู่ภายในอู่ต่อเรือแห่งหนึ่งในพื้นที่ ม.8 ต.แหลมใหญ่ อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม เมื่อเวลา 09.15 น. วันที่ 17 มกราคม 2566 ซึ่งล่าสุด สามารถควบคุมไฟได้ 100% แล้ว ขณะที่มีคนเสียชีวิตเพิ่มเป็น 3 ราย ส่วนผู้บาดเจ็บจำนวน 1 ราย

ทั้งนี้ จากการตรวจตราเรือบริษัท รวมมิตรด็อคยาร์ด จำกัด ทะเบียนเลขที่ 61132750004 นั้น พบว่าได้รับอนุญาต ดำเนินการเมื่อปี 2561 ซึ่งที่ทำการเจ้าท่าภูมิภาคที่ 3 ออกคำสั่งปิดอู่เรือที่เกิดเหตุแล้ว

สำหรับเรือบรรทุกน้ำมันสมุธซี 22 วิเคราะห์ในขณะที่เกิดระเบิด พบว่ามีน้ำมันเตา ค้างประมาณ 30,000 ลิตร รวมทั้งน้ำมันดีเซล สำหรับขับเคลื่อนเรือ ค้างอยู่ประมาณ 2,500 ลิตร โดยได้แต่งตั้งคณะกรรมการ สอบสวนขึ้นมารีบหาข้อความจริงทั้งหมด โดยมีผู้ที่มีความเชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม เบื้องต้นตั้งประเด็นไต่สวน

อาทิเช่น การดำเนินการของอู่ต่อเรือ เป็นไปตามกระบวนการ รวมทั้งขั้นตอนความปลอดภัย ที่กำหนดใน การรับเรือบรรทุกสินค้าอันตราย เข้าซ่อมครบหรือไม่ รวมถึงมีสาเหตุ ปัจจัยอื่นอีกทั้งภายนอกและภายในอื่น ๆ เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนทุกประเด็น

นอกเหนือจากนั้น กรมเจ้าท่าจะต้องนำมาตรการ ระเบียบ กฎหมาย เกี่ยวกับการอนุญาตอู่ต่อเรือ การกำกับดูแล และก็เรือขนส่งสินค้าอันตราย เพื่อทบทวนว่ายังมีประเด็นใด ที่ยังไม่ครอบคลุมหรือไม่ เพื่อดำเนินการแก้ไข เพิ่มเติมต่อไป

สำหรับเรือ มีการประภัยภัย ได้แก่ การประกันแบบ Hull & Machinery หรือ H&M เจ้าของเรือ (ผู้ปฏิบัติการ, ผู้เช่าเรือ) จ่ายเบี้ยประกัน คุ้มครองถึงวันที่ 26 มีนาคม 2566 วงเงิน 60 ล้านบาท
และก็การเข้าเป็นสมาชิกของ P&I Club (Protection and Indemnity Clubs) หรือ การประกันภัย ที่ให้ความคุ้มครองถึงบุคคลที่สาม ผู้ครอบครองเรือ (ผู้ปฏิบัติการเรือ, ผู้เช่าเรือ) เป็นผู้จ่ายเบี้ยประกัน คุ้มครองถึงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 วงเงิน 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

ด้าน นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ รองอธิบดี กรมเจ้าท่าด้านปลอดภัย

กล่าวว่า หลังได้รับแจ้งเหตุ ได้รีบลงพื้นที่ประมาณ 10 โมงเศษ พบว่าเพลิงยังลุกโหมอยู่ ซึ่งได้มีการพิจารณาข้อมูลเบื้องต้น เพื่อประเมินสถานการณ์ ในการเข้าดำเนินการผจญไฟ ที่ถูกต้องรวมทั้งปลอดภัย การเกิดระเบิดครั้งแรกทำให้ไฟลุก มีความร้อน ด้วยเหตุดังกล่าวจึงมีการระเบิด ตามมาสม่ำเสมอ ซึ่งเกิดจากความร้อน และอาจทำให้เจ้าหน้าที่ ตื่นตระหนก ในการเข้าดำเนินการ แล้วก็เกิดกระแสข่าวลือว่าเรือยังบรรทุกน้ำมันอยู่

ซึ่งจากข้อมูล ยืนยันว่าเรือไม่มีผลิตภัณฑ์ที่เป็นน้ำมัน เป็นเรือไม่เพื่อจัดแจงการขึ้นอู่ซ่อมใน 1-2 วันข้างหน้า ด้วยเหตุนี้ต้องมีการล้าง ระวางก่อนตามขั้นตอน

ขณะที่เรือลำดังกล่าวต่อขึ้นเมื่อ 4-5 ปีก่อน ถือเป็นเรือใหม่ บรรทุก ผลิตภัณฑ์ที่มีจุดวาบไฟ ต่ำกว่า 60 องศาเซลเซียส บรรทุกผลิตภัณฑ์ประเภท น้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล น้ำมันดิบ ซึ่งมีความไวไฟ จึงมีมาตรการ ที่รัดกุมในการนำเรือขึ้นเพื่อซ่อม

โดยต้องล้างถัง ไล่ก๊าซออกจากระวาง จนกระทั่งมั่นใจว่าไม่มีสิ่งที่ทำให้เกิดระเบิดได้ ด้วยเหตุดังกล่าว เมื่อเกิดระเบิดขึ้นดังกล่าว จึงเป็นข้อสงสัยว่าได้ดำเนินการ ตามขั้นตอนครบถ้วนหรือไม่ โดยกรมเจ้าท่าได้ตั้งคณะกรรมการ ขึ้นมาสอบปากคำหาข้อเรื่องจริงสาเหตุที่เกิดขึ้น โดยจะสรุปภายใน 10 วัน

ขณะเดียวกันนี้ กรมเจ้าเห็นจะรีบประเมินความเสียหาย ที่เกิดขึ้นแก่ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ บ้านเรือนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง ขณะนี้เจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่าอยู่ในพื้นที่เพื่อประสานกับทุกส่วน อีกทั้งบริษัทเรือ อู่ บริษัทประกัน จังหวัด ในเรื่องการดูแลความเรียบร้อย แล้วก็การทดแทนผู้ได้รับผลกระทบ พื้นฐานประเมินมูลค่าประกัน จะครอบคลุมในการชดเชย ความเสียหายผู้ได้รับผลกระทบ

ว้าว! ลิซ่าBLACKPINK ร้อนสู้เเดดเมืองไทย เห็นเเค่นี้เป็นรู้เลยว่าสวยมาก

หลังจากที่จบคอนเสิร์ต ‘THE BORN PINK WORLD TOUR’ ที่ประเทศไทยเมื่อวันที่ 7-8 มกราคม 2023
ด้วยความที่ลิซ่าได้กลับมาเเสดงคอนเสิร์ตที่เมืองไทยบ้านเกิดเธอได้อยู่เมืองไทยต่อ
เเละมีเวลาอยู่กับครอบครัวรวมถึงได้พบปะสนทนาเพื่อนๆได้ทานของอร่อย บอกเลยว่าตอนที่อยู่ไทยลิซ่า เเฮปปี้สุด ๆ

ล่าสุด ( 17 มกราคม 2566 )อินสตราเเกรมเเอคเค้าท์ tongsouthern ได้มีการเเชร์ภาพของลิซ่า

สวมใส่เสื้อกล้าม-กางเกงยีนส์ เเต่งชิล ๆ ขณะที่พักที่ประเทศไทย
นอกเหนือจากเรื่องความสวยของลิซ่าเเล้วกล้องในมือของเธอก็ทำหลุดจุดโฟกัส
โดยกล้องตัวนี้เป็น Camera มีราคา 35,000 บาท เเถมเป็นกล้อมที่หายากในประเทศไทยอีกด้วย เเต่ลิซ่านำมาถือเเบบนี้รับรองว่าราคาพุ่งกว่าเดิมเเน่นอน

Hat 2,000฿ ($60.50)
Tops 530฿ ($16)
Jeans 4,300฿ ($130)
Earrings 17,000฿ ($490)
ราคารวม 23,830฿($696.50)

5 เหตุผลที่ทำให้ ลิซ่า Blackpink มีแฟน ๆ แฟนคลับรักทั้งโลก

เรียกว่าปังไม่หยุดฉุดไม่อยู่จริง ๆ สำหรับศิลปินไอดอลแล้วก็ไอคอนนิคสุดปังแห่งวงการ K-Pop
อย่างสาวสวย “ลิซ่า BLACKPINK หรือ ลลิษา มโนบาล” สาวสวยที่เรียกว่าเป็นคนที่มีความสามารถแล้วก็มีเสน่ห์อันล้นหลามกระทั่งทำให้เธอนั้นโด่งดังไปทั่วโลกแถมมีอินเตอร์แฟนทั่วทุกมุมโลกเลยก็ว่าได้ วันนี้พวกเราเลยอยากจะพาเพื่อน ๆ มาส่องความเก่ง น่ารัก
รวมทั้งเหตุผลว่าเพราะเหตุไรแฟนคลับชาวบลิ๊งค์นั้นถึงรักและเอ็นดูในตัวลิซ่ากันผ่านทาง
‘5 เหตุผลที่ทำให้ ลิซ่า BLACKPINK มีแฟนคลับรักทั่วโลก’ ถ้าหากเพื่อน ๆ พร้อมแล้วนั้น ก็ไม่รอช้า รีบตามกันมาเลยค่า ~

1.) ความสวยน่ารักแล้วก็รอยยิ้มของน้องลิซ่า
มาถึงความปังที่พวกเรามั่นใจว่าเพื่อน ๆ ชาวบลิ๊งค์ผู้คนจำนวนมากจะต้องเลิฟกันอย่างแน่นอน นั่นเป็น ความสวยน่ารักน่าเอ็นดูและก็รอยยิ้มของน้องลิซ่า นั่นเอง ลิซ่านั้นเป็นสาวสวยที่มีบริเวณใบหน้าที่มีเสน่ห์มาก ๆ มีหลากหลายมุม ไม่ว่าจะสวย Gorgeous ดูแพง , แนวน่ารักน่าเอ็นดูสุดทะเล้น , เซ็กซี่เผ็ดเบา ๆ เรียกว่าในตัวเธอนั้นมีทุกแบบทุกสไตล์จริง ๆ ยิ่งบวกกับรอยยิ้มหวาน ๆ สดใส แสนมีเสน่ห์ อีกทั้งยังมีรูปร่างที่ปัง สวยระดับนางแบบด้วยแล้ว เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งไอดอลที่มีภาพลักษณ์เพอร์เฟคมากเลยละ ^^ อย่างในเดือน เดือนพฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมานั้น ลิซ่าก็ได้อันดับ 2 จากผลโหวต TOP FACE OF THE YEARS 2022 (@awards_special) เป็นผู้หญิงที่มีใบหน้าสวยที่สุดในเอชีย บอกเลยว่าตอกย้ำซ้ำเติมความปังแบบไม่แพ่วจริง ๆ ค่า

2.) อุปนิสัยแล้วก็คาแรคเตอร์ความน่ารักของลิซ่า ที่ทำให้ใครต่างก็ต้องหลงใหล
ความน่ารักน่าเอ็นดูเชื้อเชิญโดนตกของสาวลิซ่า ข้อต่อมาเป็นอะไรไปไม่ได้เลยค่ะ นอกซะจาก อุปนิสัยแล้วก็คาแรคเตอร์ความน่ารักน่าเอ็นดูของลิซ่า ที่ทำให้ใครต่างก็ต้องหลงรัก เธอนั้นเรียกว่าเป็นไอดอลสาวที่เปี่ยมไปด้วยความน่ารักน่าเอ็นดู ดูแล้วทีนี้คืออยากเรียกว่า ตะลิซ น้องลิซอยู่เสมอ
เฟรนลี่ มีความสดใส มีความสนุกสนาน ทะเล้นมาก ชนิดที่ว่าใครอยู่ใกล้แล้วจะต้องแฮปปี้โลกสดใสและก็ยิ้มตามแบบไม่ยอมรับไม่ได้เลย ทั้งยังที่พวกเราชอบมาก ๆ เลยก็คือ ลิซ่าเป็นคนที่รู้คุณรักครอบครัวมาก ๆ มองเห็นจากหลากหลายคำสัมภาษณ์ของเธอที่เธอนั้นจะบอกขอบคุณคุณพ่อ คุณแม่
ที่เป็นเสมอเหมือนกับเบื้องหลังความสำเร็จของเธอเสมอมา ซึ่งเป็นอะไรที่ทวีคูณความน่ารักน่าเอ็นดูให้กับลิซ่าเป็นอย่างมาก รวมถึงเธอยังแสดงออกถึงความรักรวมทั้งเอาใจใส่แฟนคลับชาวบลิ๊งค์ของเธออยู่เสมอ อีกทั้งยังเป็นศิลปินที่วางตัวได้ดีอยู่เป็นประจำ แล้วก็เหล่านี้เองจึงดป็นเหตุผลที่ทำให้ชาวบลิ๊งค์ทั่วโลกต้องหลงรักเธอ

3.) ความสามารถแล้วก็ความพยายามในการเป็นศิลปิน K-Pop ของสาวลิซ่า

สิ่งที่ทำให้แฟน ๆ ชาวบลิ๊งค์ตกหลุมรักสาวลิซ่าอีกหนึ่งสิ่งสำคัญก็คือในเรื่องของ ความสามารถแล้วก็ความพยายามในการเป็นศิลปิน K-Pop ของสาวลิซ่า นั่นเองละ อย่างที่คนจำนวนไม่น้อยรู้กันว่ากว่าที่ลิซ่า ลลิษา มโนบาล จะมาเป็น ลิซ่า BLACKPINK ที่มีชื่อก้องโลกอย่างทุกวันนี้นั้นมันไม่ง่ายเลย เพราะเหตุว่าต้องผ่านความมุ่งมั่งอดทนอย่างมาก โดยรากฐานของลิซ่าเป็นคนที่ชอบดนตรีและสไตล์เพลง K-POP มาก่อนแล้ว ทำให้เธอได้ฝึกร้อง เต้นมาตั้งแต่เด็ก อีกทั้งยังสั่งสมประสบการณ์การประกวดอย่ามากมาย และก็ด้วยความสะดุดตาบวกกับความพยายามแบบเต็มที่นี้เอง ทำให้ในตอนที่น้องอายุ 14 ก็ได้รับคัดให้เป็นหนึ่งในศิลปินฝึกของ YG อย่างเต็มตัวนั่นเอง

และในเดือนกันยายน 2565 ปีก่อนนั้นสาวลิซ่าก็ได้เดบิวต์ในอัลบั้มเดี่ยว ที่มีชื่อว่า LALISA ตามชื่อเต็มของเธอเอง แล้วก็ได้ปล่อยซิงเกิ้ลแรก
ออกมานั่นคือ LALISA เรียกว่าหลังจากปล่อยออกมาได้ไม่นานก็เกิดเป็นกระแสโด่งดัง แฟน ๆ ชาวไทยแล้วก็อินเตอร์แฟนทั่วโลกต่างก็ชื่นชมรวมทั้งซัพพอร์ตเธอกันแบบสุด ๆ ทำให้เพลง LALISA เพลงนี้เองนั้นกลายเป็นวิดีโอของศิลปินเดี่ยวที่มีผู้ชมมากที่สุดภายใน 24 ชั่วโมง ทำลายสถิติในประวัติศาสตร์กันไปเลย เรียกได้ว่าทุกวันนี้ลิซ่านั้นประสบความสำเร็จแบบเต็มตัวมากจริง ๆ

4.) ความสามารถในการแร็ป และ เต้นของลิซ่า จนกระทั่งได้ฉายา Queen of Dance!
ความปังข้อต่อมาของสาวลิซ่านั่นก็คือ ความสามารถในการแร็ป รวมทั้ง เต้นของลิซ่าจนถึงได้ฉายา Queen of Dance นั่นเอง โดยในวง BLACKPINK นั้นลิซ่ามีตำแหน่งเป็นทั้ง Main rapper แล้วก็ Main dance โดยตำแหน่ง Main rappe นั้นก็เรียกว่าลิซ่าทำออกมาได้ดีมาก ๆ เสียงของน้องใสมาก เป็นคนที่แร็ปได้มีความอินเตอร์สุด มีเว้นจังหวะดีมีกิมมิคในการร้อง ยิ่งตอนที่น้องแร็ปเป็นภาษาอังกฤษคือสำเนียงเป๊ะปังมาก! ฟังแล้วทีนี้คือเลิฟไม่ไหว รวมทั้งอีกหนึ่งตำแหน่งที่ต้องให้เลยจริง ๆ นั่นคือตำแหน่งของ Main dance นั่นคือการเต้น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความสามารถพิเศษของน้องลิซ่าที่สะดุดตามาก ลิซ่าเป็นคนที่เต้นปัง ไลน์สวยมาก แข็งแรง บล็อคกิ้งมีความชัดเจนมาก เป็นคนที่เต้นแล้วน่ามอง ยิ่งบน Stage ด้วยแล้วบอกเลยว่าแพรวพราวไม่ไหว เรียกได้ว่าด้วยความปังนี้เองทำให้เธอได้ฉายาQueen of Dance แห่วงการ K-Pop ไปครองแบบไม่ต้องสงสัยเลยละ

5.) ลิซ่าเป็นไอคอนนิคแห่งยุคด้านแฟชั่น!
เดินทางมาถึงข้อสุดท้ายท้ายสุดกัน นั่นคือ ลิซ่าเป็นไอคอนนิคแห่งยุคด้านแฟชั่น เรียกว่าถ้าหากพูดถึงชื่อของลิซ่าแล้วนั้นคำว่าไอคอนนิค ตัวแม่ ควีน นี่ลอยขึ้นมาเลย ด้วยความที่ลิซ่าเป็นคนที่สวย หน้าเก๋ แถมเธอยังมีจุดแข็งในเรื่องของการแต่งตัวอีกด้วย เป็นคนที่แต่งตัวแนวไหน สไตล์ก็คือเข้าไปหมด ยิ่งสไตล์หรูดูแพงบอกเลยว่าปังไม่ไหว เธอมีความสวยสง่า ออร่าจับ โดยลิซ่านั้นได้เป็นพรีเซนเตอร์ในฐานะโกลบอลแอมบาสซาเดอร์ให้กับทางแบรนด์แฟชั่นระดับโลกหลากหลายแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น BVLGARI ซึ่งเป็นแบรนด์อัญมณีชั้นสูงจากประเทศอิตาลี ที่เรียกว่าสวย Gorgeous สุด ๆ

รวมทั้งแบรนด์ CELINE แบรนด์แฟชั่นหรูจากฝรั่งเศษที่มีภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่แมทช์กับลิซ่ามาก ๆ นั่นก็คือมีความคลาสสิค เรียบหรูและดูแพง
เรียกเกี่ยวกับความปังปั๊วะนี้เองทำให้สาวลิซ่านั้นถือว่าเป็นผู้ทรงอิทธิพลในวงการแฟชั่นโลกเลยทีเดียว
ทั้งไม่เพียงเท่านั้นลิซ่าในวันหยุดพักก็เป็นอะไรที่แฟน ๆ หลาย ๆ คนให้ความสนใจอยู่เป็นประจำ เธอจะถูกใจแต่งตัวแนวชิล ๆ เน้นแนวสตรีท เท่ ลุย ๆ มีหลบซ่อนความหวานเปรี้ยวเซ็กซี่บางส่วน บอกเลยว่าดีต่อใจสุด ๆ ไปเลย

เสี่ยเบนท์ลีย์ ปิดค่างวดให้ปาเจโร ชดใช้คู่กรณีรวมกว่า 2 ล้าน จ่ายให้กู้ภัยอีก 8 แสน

เสี่ยเบนท์ลีย์ ชดเชยเยียวยาคู่กรณี ปิดค่างวดให้ปาเจโร รวมกว่า 2 ล้านบาท จ่ายให้กู้ภัยอีก 8 แสน จากกรณี รถเบนท์ลีย์ซิ่งบนทางด่วนฯ ไปชนรถยนต์ปาเจโร กระทั่งทำให้มีผู้ที่บาดเจ็บ 8 ราย ตอนวันที่ 8 ม.ค. ก่อนหน้าที่ผ่านมา

ปัจจุบัน มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่สอบสวน สน.ทางด่วน 1 ได้เรียกคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายมาไกล่เกลี่ยกัน จนมีข้อสรุป โดย นายสุทัศน์ สิวาภิรมย์รัตน์ หรือ เสี่ยจั๊บ คนขับรถเบนท์ลีย์ ยินยอมใช้ค่าสินไหมให้กับคู่กรณี รถยนต์มิตซูบิชิปาเจโร ให้ นายศราวุธ 29,767 บาท นางสาวณิชชาวีณ์ 30,419 บาท นางวรพรรณ 65,820 บาท นายสมรักษ์ 570,000 บาท นางสาวธนานิษฐ์ 127,976 บาท รวมทั้งเด็กชายปน (นามสมมติ) 22,034 บาท

เสี่ยเบนท์ลีย์ ยังมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับทรัพย์สินอีก 374,900 บาท รวมกว่า 1,220,916 บาท

ตลอดจนเปลี่ยนสัญญาเช่าซื้อเป็นชื่อคู่กรณี และให้คู่กรณีจ่ายค่าปิดงวด กับไฟแนนซ์ทั้งหมด รวมค่าชดเชยทั้งหมด กว่า 2,000,000 บาท ซึ่งการจ่ายค่าเยียวยานี้วันศุกร์ที่ 13 ม.ค. ส่วนทางกู้ภัย ผู้ก่อเหตุยินยอม ชดใช้ค่าเสียหาย 800,000 บาท ซึ่งจ่ายค่าเยียวยาเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม ก่อนหน้านี้

เสี่ยเบนท์ลีย์ชนสนั่น 3 คัน ซิ่งบนทางด่วน ปาเจโร่ตีลังกา 6 ชีวิตรอดตาย “สุทัศน์ สิวาภิรมย์รัตน์” เศรษฐี ใหญ่อดีตนายทุนพรรคการเมือง ซิ่งเบนท์ลีย์บนทางด่วนจี้ด้านหลังรถ กระบะดับเพลิง อปพร.บางรัก ขณะ วิ่งไปเหตุไฟไหม้ ก่อนตบเข้าเลนซ้ายสุด เพื่อแซงปาเจโร่ป้ายแดงวิ่งอยู่เลนกลาง รวมทั้งจะตบเข้าขวาขึ้นหน้ารถดับเพลิง แต่ไม่พ้นชนปาเจโร่ หมุนไปขวางกระบะดับเพลิง ชนสุดแรงกระทั่งหงายท้อง โชคดีคนในรถยนต์ 6 คน คาดเข็มขัดนิรภัย เจ็บสุดแค่แขนหัก

ส่วนคนบนรถดับเพลิง 2 คน เจ็บนิดหน่อย หลังเกิดเหตุ พยานระบุสุทัศน์มีอาการคล้าย มึนเมา ในรถยนต์มีไวน์เปิดดื่มไปนิดหน่อย และก็ไม่ยอมรับเป่าวัดแอลกอฮอล์ ในที่สุดยอมรับชดใช้คู่กรณีทั้งหมด ขณะตำรวจแจ้ง 2 ข้อกล่าวหาพร้อมพาไปตรวจเลือดหาปริมาณแอลกอฮอล์ที่ โรงพยาบาลตำรวจ

เสี่ยใหญ่เจ้าของหลายธุรกิจซิ่งรถยนต์หรูพุ่งเข้าชนสนั่น บนทางด่วนคราวนี้เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 8 มกราคม พ.ต.ท.พิเชษฐ์ ก้อนแพง รอง ผู้กำกับการ (สอบสวน) งานศูนย์ควบคุมจราจรด่วน 1 กก.2 บก.จร. รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถยนต์ชนกัน 3 คัน มีคนที่บาดเจ็บหลายราย บนทางพิเศษเฉลิมมหานคร หลักกิโลที่ 21+1001+100B มุ่งหน้าดินแดง แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กทม. ไปตรวจพร้อมมูลนิธิร่วมกตัญญู

ที่เกิดเหตุเป็นถนน 3 เลนพบรถยนต์หรูแบรนด์เบนท์ลีย์

รุ่นคอนติเนนตัล จีที สีเทา ทะเบียน 7 กค 3822 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ทางซ้ายสุด มีร่องรอยเฉี่ยวชนที่หน้ารถยนต์ฝั่งขวา ในรถยนต์บริเวณเบาะหลังฝั่งซ้าย พบขวดไวน์เปิดดื่มไปแล้วบางส่วน ใกล้กันเลนกลาง เจอรถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ ปาเจโร่ สีดำป้ายแดง ทะเบียน ณ 3830 กรุงเทพมหานคร สภาพหงายท้องล้อชี้ฟ้า มีร่องรอยถูกชนท้ายด้านซ้าย แล้วก็ข้างหน้ากระจกแตกทุกบาน ถุงลมนิรภัยทำงานอยู่ ห่างออกไปพบรถกระบะดับเพลิง อปพร.บางรัก ทะเบียน ถธ 1861 กรุงเทพมหานคร สภาพหน้ารถพังยับ ดังนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย ที่นั่งมาในรถยนต์มิตซูบิชิ นำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง รวมถึงเจ้าหน้าที่อาสาสมัครดับเพลิงชายอีก 2 คน เจ็บนิดหน่อย

เวลาเดียวกันกล้องหน้ารถของพลเมืองดี จับภาพในเวลาที่รถยนต์ยี่ห้อเบนท์ลีย์ สีเทา ขับมาด้วยความเร็ว แซงซ้ายแล้วเบี่ยงขวา ก่อนจะพุ่งเข้าชนท้ายรถยนต์มิตซูบิชิ ปาเจโร่ สีดำ ที่วิ่งอยู่เลนกลาง จนกระทั่งรถยนต์มิตซูบิชิ เสียหลักหมุนพุ่งเข้าชนขอบทางขวาสุด ก่อนรถปิคอัพดับเพลิง อปพร.บางรัก ที่ขับอยู่ทางขวาด้วยความเร็วพุ่งชนซ้ำ ขณะรีบไปเหตุไฟไหม้ย่านอุดมสุข จนรถยนต์มิตซูบิชิคว่ำล้อชี้ฟ้า เสียหายพังยับ

นายอิทธิพล ประสงค์ทรัพย์ อายุ 35 ปี เจ้าหน้าที่อาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยมัสยิดฮารูณ คนขับดับเพลิง อปพร.บางรัก เปิดเผยว่า ก่อนเกิดอุบัติเหตุมีรถเก๋งหรูวิ่งตามมา ก่อนแซงซ้ายแล้วหักเข้าเลนกลาง แล้วมาขวาสุดเพื่อจะมาแซงหน้ารถตนอีกทีหนึ่ง แต่ว่าไม่พ้นไปชนท้ายรถยนต์มิตซูบิชิกระทั่งเสียหลัก มาเลนขวาและถูกตนพุ่งชนซ้ำ มีผู้บาดเจ็บหลายคน

เช่นเดียวกับนายอานนท์ ศรีสุวรรณากุล อายุ 44 ปี เจ้าหน้าที่อาสาสมัคร บอกว่า สังเกตอาการคนขับรถหรู มีอาการเมาเดินลงจากทางด่วน ไปเรียกรถแท็กซี่เพื่อจะหนี แต่ว่ามีอาสาที่รู้เหตุการณ์ได้ขับขี่รถตามรถแท็กซี่ไป จนถึงที่โรงพัก ยิ่งไปกว่านี้ขณะรอสอบปากคำกับตำรวจพยายามเดินเข้าห้องน้ำ แล้วเดินออกหลังห้องน้ำ เพื่อจะหนีอีกรอบ ในที่สุดถึงกล่าวว่าจะรับผิดชอบความเสียหาย ที่เกิดขึ้นทั้งหมด

ส่วนนายศราวุธ รีรักษ์ อายุ 37 ปี คนขับรถยนต์มิตซูบิชิ รุ่นปาเจโร่ ป้ายแดง

พูดว่า พาครอบครัวทั้งหมด 6 คน เป็นผู้ใหญ่ 5 คน เด็กอายุ 4 ขวบ 1 คน ตนเป็นคนขับ มีพ่อนั่งด้านข้างบาดเจ็บแขนหัก ต่อมาแถวสองเป็นแม่ หลานชาย 4 ขวบ และก็แฟน ส่วนน้องสาวนั่งอยู่ด้านหลัง ออกจากบ้านพักย่านทุ่งครุ ขึ้นทางด่วนมุ่งหน้าลงดินแดง เพื่อจะกลับบ้าน จังหวัดบึงกาฬ ขับเลนกลางมาตามปกติ ใช้ความเร็วประมาณ 90 กิโลเมตร/ชม.

ถึงจุดเกิดเหตุ รู้สึกโดนชน เหตุเกิดขึ้นเร็วมาก หลังรถยนต์คว่ำพยายามตั้งสติ ช่วยทุกคนออกมาจากรถ ที่รอดมาได้เพราะทุกคนคาดเข็มขัดนิรภัย มีพ่อคนเดียวที่อาการหนัก คือแขนซ้ายหัก รักษาตัวอยู่โรงพยาบาล ส่วนคนอื่นมิได้รับบาดเจ็บมากนักอาการปลอดภัย

ด้าน พ.ต.ท.พิเชษฐ์ เผยออกมาว่า เบื้องต้นจากการคุยคนขับเบนท์ลีย์รับผิด ยินดีจะชดเชยค่าเสียหายให้กับคู่กรณีทั้งหมด พร้อมแจ้งข้อหาขับรถประมาททำให้ผู้อื่นเสียทรัพย์ กับขับรถประมาททำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ จะเจ็บมากหรือเจ็บน้อยจะต้องรอแพทย์ประเมิน

หลังจากนั้นได้ส่งตัวคนขับไปตรวจเลือด ที่โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อหาปริมาณแอลกอฮอล์ เป็นการตรวจที่ตามมาตรฐานมีความแม่นยำสูงกว่าการเป่า ยิ่งกว่านั้นประเด็นเจอขวดไวน์อยู่ด้านในรถ ว่าเปิดหรือไม่เปิดนั้น

เจ้าหน้าที่สอบสวนไม่มีความจำเป็นต้องตรวจสอบ เพราะว่าคนขับขี่แสดงตัว และไม่ได้หลบหนี ไม่ต้องค้นรถยนต์ และก็ตรวจคราบต่าง ๆ ถ้าเกิดผลตรวจเลือดจากโรงพยาบาล ออกมาว่าผู้ขับขี่มีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกำหนด สามารถแจ้งข้อหาเมาแล้วขับเพิ่มได้

ดังนี้ ทางฝั่งรถยนต์มิตซูบิชิ ปาเจโร่ เจ็บทุกคน หนักสุดแขนหักอยู่ระหว่างรักษาที่โรงพยาบาล ส่วนคนอื่น ๆ บาดเจ็บนิดหน่อย เรื่องของการพูดคุยไกล่เกลี่ย มีทนายความของฝั่งรถยนต์มิตซูบิชิได้ติดต่อกับพนักงานสอบสวนแล้ว เช่นเดียวกับฝั่งรถดับเพลิง มีตัวแทนติดต่อมาแล้วเช่นเดียวกัน

รายงานข่าวแจ้งว่า ผู้ขับขี่รถหรูเบนท์ลีย์ คือนายสุทัศน์ สิวาภิรมย์รัตน์ มีชื่อเป็นกรรมการ 7 บริษัท ได้แก่

1.บริษัท ไทยวัฒนา แอสเซ็ท จำกัด ประกอบการซื้อขายที่ดิน

2.บริษัท ทัช มี ฟู้ด (ไทยแลนด์) จำกัด จำหน่ายอาหารสำเร็จรูป

3.บริษัท เบเนฟิท ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด ขายปลีกวัสดุก่อสร้างอื่นๆ

4.บริษัท เมก้า เวิร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด ประกอบการขายปลีกวัสดุก่อสร้างอื่นๆ

5.บริษัท แมกซ์ เทรด จำกัด ประกอบการขายวัสดุก่อสร้าง

6.บริษัท หทัยราษฎร์ คอมเพล็กซ์ จำกัด ประกอบการตลาดสด และ

7.บริษัท เอกทวีสิน ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ประกอบการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์อาคารสำนักงาน

นอกจากนี้ นายสุทัศน์ ในอดีตเมื่อช่วงเดือน เม.ย.62 มีข่าวเป็นนายทุนพรรคเศรษฐกิจใหม่ สมัยที่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ เป็นหัวหน้าพรรคด้วย